แจ้งเข้า-แจ้งออก แรงงานต่างด้าว (ลาว เมียนมา กัมพูชา): หน้าที่สำคัญของนายจ้างที่ห้ามละเลย
การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวไม่ได้สิ้นสุดแค่การมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) และวีซ่าที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังมีกระบวนการสำคัญที่นายจ้างต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ การแจ้งรับคนต่างด้าวเข้าทำงาน (แจ้งเข้า) และ การแจ้งคนต่างด้าวออกจากงาน (แจ้งออก) ซึ่งเป็นข้อบังคับตามกฎหมายคนเข้าเมืองและกฎหมายการทำงานของคนต่างด้าว
“การแจ้งเข้า” คืออะไร และต้องทำเมื่อไหร่?
การแจ้งเข้า คือ การที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการแจ้งต่อกรมการจัดหางานว่าได้รับแรงงานต่างด้าวคนดังกล่าวเข้ามาทำงานในสถานประกอบการของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง: พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ระยะเวลาที่ต้องแจ้ง: นายจ้างต้องแจ้งให้กรมการจัดหางานทราบ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่จ้างงาน
ความสำคัญ:
- ยืนยันสถานะการจ้างงาน: เป็นการยืนยันว่าแรงงานต่างด้าวได้เริ่มทำงานกับนายจ้างอย่างเป็นทางการ
- ปรับปรุงข้อมูลในระบบ: ทำให้ภาครัฐมีข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันเกี่ยวกับสถานะของแรงงาน
- ป้องกันการจ้างงานผิดกฎหมาย: เป็นหลักฐานว่านายจ้างไม่ได้จ้างแรงงานที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานต่างด้าว ผมขอนำเสนอข้อมูลสำคัญที่นายจ้างและผู้ประกอบการทุกท่านต้องทราบเกี่ยวกับการ “แจ้งเข้า-แจ้งออก” ของแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้การจ้างงานเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับ
แจ้งเข้า-แจ้งออก แรงงานต่างด้าว (ลาว เมียนมา กัมพูชา): หน้าที่สำคัญของนายจ้างที่ห้ามละเลย
การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวไม่ได้สิ้นสุดแค่การมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) และวีซ่าที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังมีกระบวนการสำคัญที่นายจ้างต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ การแจ้งรับคนต่างด้าวเข้าทำงาน (แจ้งเข้า) และ การแจ้งคนต่างด้าวออกจากงาน (แจ้งออก) ซึ่งเป็นข้อบังคับตามกฎหมายคนเข้าเมืองและกฎหมายการทำงานของคนต่างด้าว
“การแจ้งเข้า” คืออะไร และต้องทำเมื่อไหร่?
การแจ้งเข้า คือ การที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการแจ้งต่อกรมการจัดหางานว่าได้รับแรงงานต่างด้าวคนดังกล่าวเข้ามาทำงานในสถานประกอบการของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
-
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง: พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
-
ระยะเวลาที่ต้องแจ้ง: นายจ้างต้องแจ้งให้กรมการจัดหางานทราบ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่จ้างงาน
-
ความสำคัญ:
-
ยืนยันสถานะการจ้างงาน: เป็นการยืนยันว่าแรงงานต่างด้าวได้เริ่มทำงานกับนายจ้างอย่างเป็นทางการ
-
ปรับปรุงข้อมูลในระบบ: ทำให้ภาครัฐมีข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันเกี่ยวกับสถานะของแรงงาน
-
ป้องกันการจ้างงานผิดกฎหมาย: เป็นหลักฐานว่านายจ้างไม่ได้จ้างแรงงานที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน
-
“การแจ้งออก” สำคัญไม่แพ้กัน ต้องทำเมื่อไหร่?
การแจ้งออก คือ การที่นายจ้างแจ้งต่อกรมการจัดหางานว่าแรงงานต่างด้าวคนดังกล่าวได้สิ้นสุดสภาพการเป็นลูกจ้างของตนแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เช่น ลาออก, สิ้นสุดสัญญาจ้าง, หรือถูกเลิกจ้าง
-
ระยะเวลาที่ต้องแจ้ง: นายจ้างต้องแจ้งให้กรมการจัดหางานทราบ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่แรงงานต่างด้าวออกจากงาน
-
ความสำคัญ:
-
ตัดความรับผิดชอบของนายจ้าง: เมื่อแจ้งออกแล้ว ความรับผิดชอบของนายจ้างเดิมที่มีต่อแรงงานคนนั้นๆ จะสิ้นสุดลง หากแรงงานไปกระทำความผิดหรือทำงานที่อื่นอย่างผิดกฎหมาย นายจ้างเดิมจะไม่มีความเกี่ยวข้อง
-
เปิดโอกาสให้แรงงานหานายจ้างใหม่: การแจ้งออกอย่างถูกต้องทำให้แรงงานสามารถดำเนินการหานายจ้างใหม่ได้อย่างถูกกฎหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด (หากเงื่อนไขอนุญาต)
-
รักษาสิทธิประโยชน์ของนายจ้าง: ในกรณีที่ต้องการจ้างแรงงานคนใหม่มาทดแทน การแจ้งออกจะทำให้โควตาการจ้างงานของบริษัทว่างลง
-
ขั้นตอนและวิธีการแจ้งเข้า-แจ้งออก
ปัจจุบัน กรมการจัดหางานได้พัฒนาระบบออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกให้นายจ้างสามารถดำเนินการได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
-
ช่องทางการแจ้ง:
-
ระบบออนไลน์ (แนะนำ): ผ่านเว็บไซต์ e-inform.doe.go.th ของกรมการจัดหางาน เป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และสามารถติดตามสถานะได้
-
ยื่นด้วยตนเอง: ณ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดที่สถานประกอบการตั้งอยู่
-
-
เอกสารที่ต้องเตรียม (สำหรับการยื่นด้วยตนเอง):
-
แบบฟอร์มแจ้งการรับคนต่างด้าวเข้าทำงาน (ตท.2) หรือแบบฟอร์มแจ้งการออกจากงาน
-
สำเนาใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว
-
สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง
-
สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีนายจ้างเป็นบริษัท)
-
สำเนาบัตรประชาชนของนายจ้าง/ผู้มีอำนาจลงนาม
-
หนังสือมอบอำนาจ (กรณีให้ผู้อื่นดำเนินการแทน) พร้อมติดอากรแสตมป์ และสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
-
บทลงโทษหากนายจ้างฝ่าฝืน
การละเลยไม่แจ้งเข้า-แจ้งออกตามกำหนดเวลา ถือเป็นความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษ ดังนี้
-
โทษปรับ: นายจ้างที่ไม่แจ้งรับลูกจ้างคนต่างด้าวเข้าทำงาน หรือไม่แจ้งลูกจ้างออกจากงานภายในเวลาที่กำหนด มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ต่อแรงงานต่างด้าวหนึ่งคน
ข้อควรรู้เพิ่มเติม: การแจ้งที่พักอาศัย (ตม.30)
นอกจากการแจ้งเข้า-แจ้งออกกับกรมการจัดหางานแล้ว นายจ้างหรือเจ้าของที่พักอาศัยยังมีหน้าที่ตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 38 ในการ แจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าว ต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ ภายใน 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่ที่แรงงานต่างด้าวเข้าพักอาศัย ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการแจ้งเข้า-ออกของกรมการจัดหางาน และต้องปฏิบัติควบคู่กันไป
สรุป
การแจ้งเข้า-แจ้งออกแรงงานต่างด้าว ไม่ใช่เพียงภาระงานเอกสาร แต่เป็นกลไกสำคัญในการสร้างระบบการจ้างงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย การปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดไม่เพียงแต่ช่วยให้นายจ้างหลีกเลี่ยงโทษปรับ แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานที่ดีในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรในระยะยาวอีกด้วย
ติดต่อรับคำปรึกษาได้ที่
: 098-648-6488
: admin@exworker.co.th
Line@ : @exworker
Web: Exworker.co.th
FB: exworker.agency
IG: exworker.agency
#mou #แรงงานต่างด้าว #ต่างด้าว #ทำพาสปอร์ต #บัตรmou #ต่อworkpermit #ทำบัตรชมพูใหม่ #งานต่างด้าว #ต่อเอกสารแรงงานต่างด้าว #ต่อเอกสาร #แรงงานพม่า #แรงงานลาว #แรงงานกัมพูชา #แรงงานเวียดนาม #mou #ขึ้นทะเบียนแรงงาน #เปลี่ยนนายจ้าง #exworker