จาก CI เล่มเขียว สู่ PJ Passport เล่มแดง: ก้าวสำคัญ ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานเมียนมาในไทย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พี่น้องแรงงานชาวเมียนมาและนายจ้างในประเทศไทยคงคุ้นเคยกับ “เอกสารรับรองบุคคล” หรือ CI (Certificate of Identity) เล่มสีเขียว เป็นอย่างดี เอกสารฉบับนี้เปรียบเสมือนเอกสารเดินทางชั่วคราวที่ออกให้โดยทางการเมียนมา เพื่อให้แรงงานสามารถทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในระยะเวลาที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรัฐบาลเมียนมามีนโยบายสำคัญในการยกระดับเอกสารประจำตัวของพลเมืองที่ทำงานในต่างประเทศให้เป็นมาตรฐานสากล จึงได้มีการผลักดันให้แรงงานเมียนมาเปลี่ยนมาใช้ “หนังสือเดินทางสำหรับไปทำงานต่างประเทศ” หรือ PJ Passport (Passport for Job) ซึ่งเป็นเล่มสีแดง บทความนี้จะชี้ให้เห็นถึงความแตกต่าง เหตุผล และขั้นตอนที่นายจ้างและลูกจ้างต้องเตรียมพร้อมเพื่อการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น
ทำความรู้จัก CI เล่มเขียว และ PJ Passport เล่มแดง แตกต่างกันอย่างไร?
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เรามาเปรียบเทียบความแตกต่างที่สำคัญของเอกสารทั้งสองประเภทกันครับ
| คุณสมบัติ | CI (Certificate of Identity) เล่มเขียว | PJ Passport (Passport for Job) เล่มแดง |
| ประเภทเอกสาร | เอกสารรับรองบุคคล (ชั่วคราว) | หนังสือเดินทาง (สากล) |
| สถานะ | ใช้แทนหนังสือเดินทางชั่วคราว มีข้อจำกัด | เป็นเอกสารเดินทางสากล ได้รับการยอมรับทั่วโลก |
| อายุการใช้งาน | เดิม 2 ปี ต่ออายุได้อีก 2 ปี (รวม 4 ปี) | 5 ปี (ไม่สามารถต่ออายุได้ ต้องทำเล่มใหม่) |
| การเดินทาง | ใช้เดินทางกลับเมียนมาได้เท่านั้น | ใช้เดินทางกลับเมียนมา และสามารถเดินทางต่อไปยังประเทศที่สามได้ (หากมีวีซ่า) |
| สิทธิประโยชน์ | สิทธิขั้นพื้นฐานตามที่กฎหมายกำหนด | เข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้ครอบคลุมกว่า มีความมั่นคงในสถานะทางกฎหมายสูงกว่า |
| ภาพลักษณ์ | เป็นเอกสารเฉพาะกลุ่มแรงงาน | มีศักดิ์ศรีเทียบเท่าหนังสือเดินทางของพลเมืองทั่วไป |
ทำไมต้องเปลี่ยน? เหตุผลและความสำคัญของการใช้ PJ Passport
การเปลี่ยนจาก CI เป็น PJ Passport ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนสีหรือรูปแบบของเอกสาร แต่เป็นการยกระดับสถานะและสิทธิประโยชน์ในหลายมิติ ทั้งต่อนายจ้างและลูกจ้าง
ประโยชน์สำหรับแรงงาน:
-
ความมั่นคงและศักดิ์ศรี: การถือหนังสือเดินทางสากลสร้างความมั่นใจและให้ความรู้สึกถึงการเป็นพลเมืองที่ได้รับการยอมรับ
-
ความสะดวกในการเดินทาง: สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงวันหยุดหรือกรณีฉุกเฉินได้อย่างถูกกฎหมายและสะดวกกว่าเดิม
-
การคุ้มครองตามหลักสากล: ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายระหว่างประเทศในฐานะผู้ถือหนังสือเดินทาง
-
ลดปัญหาในอนาคต: เป็นเอกสารมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ ลดความเสี่ยงเรื่องการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับเกี่ยวกับเอกสารชั่วคราว
ประโยชน์สำหรับนายจ้าง:
-
ลดความเสี่ยงทางกฎหมาย: การจ้างแรงงานที่ถือเอกสารถูกต้องตามมาตรฐานสากล ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกตรวจสอบและค่าปรับ
-
การบริหารจัดการง่ายขึ้น: PJ Passport มีอายุ 5 ปี ทำให้นายจ้างสามารถวางแผนการจ้างงานในระยะยาวได้ดีกว่า ไม่ต้องกังวลกับการต่ออายุเอกสารบ่อยครั้ง
-
สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: การสนับสนุนให้ลูกจ้างมีเอกสารที่มั่นคง เป็นการแสดงความใส่ใจ ซึ่งส่งผลให้แรงงานมีขวัญกำลังใจและอยู่กับองค์กรได้นานขึ้น
ขั้นตอนการดำเนินการเปลี่ยนจาก CI เป็น PJ Passport (โดยสรุป)
กระบวนการอาจมีการปรับเปลี่ยนตามประกาศของหน่วยงานราชการ แต่นี่คือขั้นตอนหลักที่นายจ้างและลูกจ้างต้องดำเนินการร่วมกัน:
-
นายจ้างยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์: นายจ้างต้องเป็นผู้เริ่มต้น โดยการยื่นขอจัดทำหนังสือเดินทางให้กับลูกจ้างผ่านระบบ e-Workpermit ของกรมการจัดหางาน
-
เตรียมเอกสารให้พร้อม:
-
ส่วนของนายจ้าง: สำเนาหนังสือรับรองบริษัท, สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจ
-
ส่วนของลูกจ้าง: CI เล่มเขียว (ตัวจริง), บัตรประชาชนเมียนมา, ทะเบียนบ้านเมียนมา, วีซ่า (VISA) และใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ยังไม่หมดอายุ
-
-
นัดหมายและเดินทางไปยังศูนย์บริการ: หลังจากได้รับการอนุมัติ นายจ้างจะต้องพาลูกจ้างเดินทางไปยังศูนย์บริการจัดทำหนังสือเดินทางของเมียนมาตามวันและเวลาที่นัดหมาย ซึ่งมีกระจายอยู่ในหลายจังหวัด เช่น สมุทรสาคร, สมุทรปราการ, ชลบุรี, เชียงราย เป็นต้น
-
เข้าสู่กระบวนการที่ศูนย์ฯ: ลูกจ้างจะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบเอกสาร, ถ่ายรูป, พิมพ์ลายนิ้วมือ และชำระค่าธรรมเนียม
-
รอรับเล่ม PJ Passport: โดยปกติจะใช้ระยะเวลาประมาณ 15-30 วันทำการในการผลิตและจัดส่งเล่มพาสปอร์ตมายังนายจ้าง
-
ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด (ย้ายตราประทับ): เมื่อได้รับ PJ Passport เล่มแดงแล้ว จะต้องนำเล่มใหม่นี้ พร้อมกับ CI เล่มเก่า ไปดำเนินการ “ย้ายตราประทับวีซ่า” ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และ “ปรับปรุงข้อมูล” ที่สำนักงานจัดหางานในพื้นที่ เพื่อให้ข้อมูลในระบบตรงกับเอกสารฉบับใหม่ กระบวนการนี้ต้องทำให้เสร็จสิ้นจึงจะถือว่าสมบูรณ์
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
-
อย่ารอจนใกล้หมดอายุ: ควรเริ่มดำเนินการล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือนก่อนที่ CI หรือวีซ่าจะหมดอายุ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความล่าช้า
-
ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง: ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และข้อมูลอื่น ๆ ในเอกสารทั้งหมดต้องตรงกัน หากมีข้อมูลผิดพลาดจะทำให้กระบวนการล่าช้าและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
-
ระวังนายหน้าเถื่อน: ควรดำเนินการผ่านนายจ้างโดยตรงหรือบริษัทนำเข้าแรงงานที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเท่านั้น เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงและเรียกเก็บค่าบริการที่สูงเกินจริง
-
สื่อสารกับลูกจ้าง: นายจ้างควรชี้แจงและทำความเข้าใจกับลูกจ้างถึงความสำคัญและขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่ดี
การเปลี่ยนผ่านสู่ PJ Passport เล่มแดง ถือเป็นพัฒนาการเชิงบวกที่สร้างมาตรฐานและความมั่นคงให้กับระบบการจ้างงานแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย แม้จะมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการอยู่บ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าสำหรับทั้งนายจ้างและลูกจ้างในระยะยาวอย่างแน่นอน
ติดต่อรับคำปรึกษาได้ที่
: 098-648-6488
: admin@exworker.co.th
Line@ : @exworker
Web: Exworker.co.th
FB: exworker.agency
IG: exworker.agency
#mou #แรงงานต่างด้าว #ต่างด้าว #ทำพาสปอร์ต #บัตรmou #ต่อworkpermit #ทำบัตรชมพูใหม่ #งานต่างด้าว #ต่อเอกสารแรงงานต่างด้าว #ต่อเอกสาร #แรงงานพม่า #แรงงานลาว #แรงงานกัมพูชา #แรงงานเวียดนาม #mou #ขึ้นทะเบียนแรงงาน #เปลี่ยนนายจ้าง #exworker